วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2558

29 วิธี แก้ไขคำฟุ่มเฟือย

อย่างที่ผมเคยบอกไปแล้วว่า ในการเขียนเรียงความหรือเอสเสภาษาอังกฤษ อย่าสักแต่ว่าเขียนให้ได้ยาวที่สุด เพราะการเขียนยาวไม่ได้แปลว่าดีที่สุด เพราะนอกจากจะทำให้ผู้อ่านรู้สึกรำคาญแล้ว ยังจะเสียคะแนนได้โดยง่ายอีกด้วย

ถ้าเพื่อนๆคนไหนอยากเห็นตัวอย่างของการใช้คำฟุ่มเฟือยในการเขียนเอสเส สามารถอ่านได้ที่บทความเก่า “คำฟุ่มเฟือย” ที่ควรหลีกเลี่ยงในการเขียนภาษาอังกฤษ!! ได้เลยครับ

และในบทความนี้ผมก็มี เคล็ดลับในการเขียนเอสเสให้กระชับ มาฝากเพื่อนๆกันอีกแล้ว ยกตัวอย่างเช่น “along the lines of” ก็สามารถเขียนให้สั้นๆได้ว่า “like” ได้นั่นเอง


5 เทคนิคลับฝึกภาษาอังกฤษ : ให้พูดเก่งขั้นเทพ!

5 เทคนิคลับฝึกภาษาอังกฤษ : ให้พูดเก่งขั้นเทพ!
.
Top 5 secret tips for Speaking English Fluently!!
.
.
.
วันนี้ สถาบันสอนภาษา Mind English จะมาเปิดเผย 5 เทคนิคลับในการฝึกพูดภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง ให้พูดอังกฤษได้คล่องอย่างกับพ่นไฟ!
.
.
.
1. Start with Listening! เริ่มต้นจากการฟัง!
.
ถ้าคุณอยากพูดภาษาอังกฤษได้ คุณต้องเริ่มต้นจากการฟัง!
.
ฟัง ฟัง ฟังแล้วก็ฟัง!
.
หัวใจสำคัญ 2 ข้อก็คือ คุณต้องเลือกฟังสื่อที่ไม่ยากเกินไปสำหรับคุณ (รู้ศัพท์ในสื่อนั้นๆมากกว่า 80%)
.
และข้อที่ 2 คือคุณต้องฟังทุกวัน! อย่างมีวินัยและตั้งใจ วันละ 1 ชั่วโมงขึ้นไป (แบ่งได้ เช้า 20 นาที เที่ยง 20นาที และเย็นอีก 20 นาที เวลารถติดก็ฟังได้)
.
เรากล้าท้าเลย ถ้าคุณฟังภาษาอังกฤษทุกวัน 1 เดือนผ่านไปคุณจะแปลกใจตัวเอง ว่าทำไมเราเก่งภาษาอังกฤษขึ้นขนาดนี้
.
แต่ถ้าคุณฟังภาษาอังกฤษทุกวันตลอด 1 ปี คุณจะจำตัวเองวันนี้ไม่ได้เลย!!
.
(อ่านต่อเพิ่มเติม บทความ “อยากพูดอังกฤษได้ อย่า(พึ่ง)ฝึกพูด” ได้ที่ http://www.mindenglish.net/article/stopspeaking/)
.
.
.
2. Use Photographic Memory! เรียนรู้เป็นภาพ ไม่ใช่ตัวอักษร!
.
เลิกท่องศัพท์(แบบเดิมๆ)ได้แล้ว
.
หยุดการท่องศัพท์แบบเป็นลิสต์ยาวๆที่เราต้องมาแปลเป็นไทย หันมาใช้วิธีเรียนรู้ศัพท์แบบเป็นภาพ เป็นเรื่องราวแทน
.
ใครยังท่องศัพท์แบบเดิมๆ ไม่มีทางพูดอังกฤษได้คล่อง พูดเลย!
.
(อ่านเพิ่มเติม บทความ “อยากพูดอังกฤษคล่อง ต้องงดท่องศัพท์” ได้ที่ http://www.mindenglish.net/article/stopvocab1/และ “วิธีท่องศัพท์ ฉบับเทพ!” ได้ที่ http://www.mindenglish.net/article/greatvocab1/)
.
.
.
3. Don’s Study Grammar rules! หยุดท่องกฏแกรมม่าร์ซะ!
.
ใครยังนั่งท่อง S+V to be+V ing+ …+ …+ ….ไปเรื่อยๆ หรือยังท่องกริยา 3 ช่อง ท่องกฏไวยากรณ์ต่างๆ
.
ถ้าท่องไปสอบ ท่องไว้เขียน Writing เขียน Essay ต่างๆ นี่โอเค
.
แต่ถ้าท่องไว้ใช้พูด คุณเข้าใจผิดแล้ว!!!
.
ไม่มีใครพูด คล่องเพราะท่องกฏแกรมม่าร์หรอก บอกเลย!
.
(อ่านเพิ่มเติม บทความ “อยากพูดอังกฤษได้ ให้หยุดเรียน Grammar” ได้ที่ http://www.mindenglish.net/article/stopgrammar1/)
.
.
.
4. No Translation! อย่าแปลเป็นไทย!
.
อยากพูดอังกฤษให้คล่อง ต้องพูดได้อย่างเป็นอัตโนมัติ
.
การพูดได้อย่างเป็นอัตโนมัติคือ ฟัง-คิด-พูด ต้องเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด โดยไม่มีการแปลเป็นไทยในหัว
.
เพราะฉะนั้น เราควรพยายามแปลเป็นไทยให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
.
สาเหตุที่เราพูดภาษาอังกฤษแล้วตะกุกตะกัก ไม่ไหลลื่น ไม่เป็นธรรมชาติ เพราะเรามักต้องนึกศัพท์
.
และที่เราต้องนึกศัพท์ เพราะเราคิดเป็นภาษาไทยในหัวก่อนเนี่ยแหละ ถึงต้องแปลกลับมาเป็นภาษาอังกฤษ จึงต้องนึกศัพท์
.
เมื่อไหร่ก็ตามที่คิดเป็นภาษาอังกฤษได้ ก็จะไม่ต้องนึกศัพท์ (แน่สิ คิดเป็นภาษาอังกฤษแล้ว จะนึกศัพท์ภาษาอังกฤษทำไม?)
.
เมื่อนั้น เราจะพูดอังกฤษได้โคตรคล่อง!
.
(อ่านต่อเพิ่มเติม บทความ “อยากพูดอังกฤษคล่อง ต้องอย่าแปล!” ได้ที่ http://www.mindenglish.net/article/notranslation/)
.
.
.
5. Change Environment! เปลี่ยนสภาพแวดล้อมให้เหมือนอยู่เมืองนอก
.
พยายามเปลี่ยนสภาพแวดล้อมทุกอย่างในชีวิตประจำวันให้เป็นภาษาอังกฤษให้ได้มากที่สุด
.
เม้าท์กับเพื่อน >>> พยายามหาเพื่อนฝรั่งคุยแชทบ้าง คุย Skype บ้าง
.
ดูหนัง-ดูละคร >>> เปลี่ยนมาเป็นดูหนัง ดูซีรี่ย์ และต้องดูให้ถูกวิธีด้วย ดูผิดวิธี ดูเป็นพันเรื่องยังไงก็ไม่เก่ง (อ่านเพิ่มเติม บทความ “ดูหนังยังไง ให้พูดอังกฤษได้” ได้ที่ http://www.mindenglish.net/article/watchmovies/
.
ฟังเพลง >>> จากเพลงไทยสุดดราม่า หันมาฟังเพลงฝรั่งบ้าง (บทความถัดๆไป จะแนะนำเรื่องการฟังเพลงอย่างไร ให้แจ่มที่สุด)
.
ดูข่าว >>> จากดูเรื่องเล่าเช้านี้ ลองเปลี่ยนเป็นดูข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศบ้าง ชอบสำเนียงอเมริกันก็ลอง CNN ถ้าชอบสำเนียงบริทิชเก๋ๆ BBC ก็ถือว่าดีมาก
.
อ่านหนังสือ>>> ลองเปลี่ยนมาอ่านหนังสือต่างประเทศบ้าง เริ่มจากแนวที่ตัวเองชอบก่อนก็ได้ พยายามเริ่มจากง่ายๆไปก่อน
.
ยิ่งเราเปลี่ยนได้มากเท่าไหร่ ผลลัพธ์ยิ่งเกิดเร็วขึ้นเท่านั้น
.
แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ อย่าไปฝืน อย่าไปเร่ง อย่าไปเร้า
.
ที่สำคัญที่สุดคือต้อง “ชิลล์” อันไหนฟังไม่ออก อันไหนอ่านไม่เข้าใจก็พยายามฟัง พยายามทำความไม่เข้าใจ ไม่ต้องเครียด
.
สิ่งที่สำคัญที่สุดในการฝึก คือ การไม่ฝึก
.
การมีความพยายามในการฝึกคือสิ่งที่ดีมาก แต่สิ่งที่ดีมากที่สุดคือการไม่ต้องพยายาม การไม่ฝืน ทำเหมือนเป็นธรรมชาติ
.
ถ้าเราทำสิ่งเหล่านี้ได้อย่างเป็นธรรมชาติเท่าไหร่ เราจะยิ่งพูดภาษาอังกฤษได้ดีและเป็นธรรมชาติมากขึ้นเท่านั้น

มีแฟนเป็นแอร์ต้องรู้

ที่มา https://www.facebook.com/clex.english/posts/936623563037702

คำศัพท์ภาษาอังกฤษน่ารู้ ในสนามบิน

Gate = ประตูที่จะขึ้นเครื่องบิน
Immigration = การตรวจคนเข้าเมือง
Boarding Pass = บัตรผ่านขึ้นเครื่องบิน
Airline Counter : เคาน์เตอร์สายการบิน
Aisle seat : ที่นั่งริมทางเดิน
Window seat : ที่นั่งริมหน้าต่าง
Boarding pass : ตั๋วเครื่องบิน , บัตรผ่านขึ้นเครื่องบิน, เอกสารระบุเลขที่นั่งใช้สำหรับผ่านเข้าเขต ผู้โดยสารขาออกและขึ้นเครื่องบิน
Carry-on luggage : สัมภาระติดตัวขึ้นเครื่องบิน
Check-in desk : เคาน์เตอร์เช็ค-อิน
Excess baggage : กระเป๋าน้ำหนักเกิน
Excess baggage charge : ค่าปรับกระเป๋าน้ำหนักเกิน
One-way trip : เดินทางเที่ยวเดียว
Overweight : น้ำหนักเกิน
Immigration : ด่านตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ทำการตรวจเอกสาร วีซ่า
Immigration Form : ใบตรวจคนเข้าเมือง
Passport หนังสือเดินทาง
Transit Passenger : ผู้โดยสารที่แวะลงสนามบินแห่งใดแห่งหนึ่ง เพื่อทำการเปลี่ยนเครื่องโดยไม่แวะเข้าอยู่ในประเทศหรือเมืองนั้นๆ
Passenger : ผู้โดยสารสายการบิน
Air traffic control : หอควบคุมการบิน
Aircraft , Airplane, Plane: เครื่องบิน
Airline : สายการบิน
Airport : สนามบิน
Arrivals : เที่ยวบินขาเข้า (Departures : เที่ยวบินขาออก)
Arrivals are delayed : เครื่องบินล่าช้า
Cabin : ห้องโดยสาร
Cockpit : ห้องนักบิน
Concourse : ชานชาลา
Control tower : หอควบคุม
Customs : ศุลกากร
Customs official : เจ้าหน้าที่ศุลกากร ทำหน้าที่ตรวจเช็ค สัมภาระที่นำติดตัวเข้าประเทศ
Currency Exchange : บริการแลกเปลี่ยนเงินตรา
Delayed : ล่าช้า
Departures : เที่ยวบินขาออก
Departures are delayed : เที่ยวบินขาออกล่าช้า
Departure lounge : ห้องรับรองผู้โดยสารขาออก
Departure time : เวลาเครื่องบินออก
Direct flight : เที่ยวบินไม่จอดแวะ
Domestic flight : เที่ยวบินภายในประเทศ
Duty free shop : ร้านค้าปลอดภาษี
Emergency exit : ทางออกฉุกเฉิน
Emergency landing : ลงจอดฉุกเฉิน
Flight number : หมายเลขเที่ยวบิน
Gate : ประตูขึ้นเครื่อง
Information Counter : บริการสอบถาม
In-flight manual : คู่มือบนเครื่องบิน
International flight : เที่ยวบินต่างประเทศ
Landing : ลงจอด
Lost and Found : บริการติดตามสัมภาระ จุดแจ้งกระเป๋าเดินทางหาย
Oversize baggage claim : ช่องรับสัมภาระเกินขนาด
Passengers lounge : ห้องรับรองผู้โดยสาร
Plane : เครื่องบิน
Registered luggage : สัมภาระที่ลงทะเบียนแล้ว
Runway : ทางขึ้นลงเครื่องบิน
Carousel : สายพานหรือรางเลื่อนรับกระเป๋า
Free Airport Shuttler :รถรับส่งระหว่าง TERMINAL ภายในสนามบินฟรี
Round trip : เดินทางไปกลับ
Tourist : นักท่องเที่ยว
Travel agency : บริษัทนำเที่ยว
Trolley : รถเข็นสัมภาระ
To board : ขึ้นเครื่อง
Terminal : สถานี
To land : ลงจอด
To check in : เช็ค-อิน
Timetable : ตารางเวลา
Take-off : ออกตัว
Seat belt : เข็มขัดนิรภัย
Seat : ที่นั่ง
Visa : วีซ่า
Air Hostess : แอร์โฮสเตส
Air Steward : พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินชาย
Air Stewardess : พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินหญิง
Copilot : นักบินร่วม
Crew : ลูกเรือ
Pilot : นักบิน
Flight : attendant พนักงานบนเครื่องบิน

ในเครื่องบินหนึ่งลำ ก็จะมีการจัดสันพื้นที่ภายใน แบ่งเป็น 3 ระดับ
1) First Class = ระดับที่แพงที่สุด
2) Business Class = ระดับที่นั่งสำหรับนักธุรกิจ
3) Economy Class = ระดับที่นั่งชั้นประหยัด

Aisle : ทางเดินระหว่างแถวที่นั่ง
Lavatory or Toilet : ห้องน้ำ

เวลาจะเข้าห้องน้ำจะมีไฟที่หน้าห้องน้ำเขียนว่า “Vacant = ว่าง” 
แต่ถ้าไฟที่หน้าห้องน้ำขึ้นคำว่า “Occupied = กำลังมีคนใช้ห้องน้ำอยู่” 
No smoking = ห้ามสูบบุหรี่

วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2558

ฝึกภาษาอังกฤษจากเรื่องสั้นแบบง่ายๆ 100 เรื่อง ชุดที่ 3

ฝึกภาษาอังกฤษจากเรื่องสั้นแบบง่ายๆ 100 เรื่อง ชุดที่ 3 มาแล้วคร้าบ!

ภาษาอังกฤษเก่งได้ด้วยเรื่องสั้นมีอีกเพียบ
สนุก ไม่น่าเบื่อ ไม่เร็วไป ฝึกฟังและออกเสียงได้ชัดๆ
..ห้ามพลาด!

ยังไงเดี๋ยวจะรวมลิงค์ให้เรื่อยๆ ไม่ต้องไปหาเองให้เมื่อยแล้วคร้าบ

ชุดที่ 1: http://www.stopmemo.com/2015/02/200-easy-english-short-stories/
ชุดที่ 2: http://www.stopmemo.com/2015/02/200-more-easy-english-short-stories/
ชุดที่ 3: http://www.stopmemo.com/2015/03/3-easy-english-short-stories/
https://www.facebook.com/stopmemo/posts/332523446943629