วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2558

There is ... แปลว่า มี ไม่ใช้ have

มีๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

There is
There are
There will be
There has been
There have been
There was
There were
There's gonna be

 แปลว่า " มี" ทั้งหมด
ฝึกใช้ ถ้าจะพูด "มี" แบบลอยๆ
อย่าใช้ have

 มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น
There was an accident last night.

 จะมีจันทรุปราคาคืนพรุ่งนี้
 There will be an eclipse tomorrow night.

มีเงินเหลือไม่ออก
 There is not much money left.

จะต้องมีความช่วยเหลือมาแน่ๆ
 There must be some help coming soon.

 มีฝนตกหนักมาร่วมชั่วโมงแล้ว
 There has been a heavy rain for hours.

   มีใครจะอาสามั่ง
 Is there any volunteer ?
Are there any volunteers ?

 ไม่มีอะไรเหลือให้ผมเลย
 There is nothing left for me.

จะมี bike for dad เร็วๆ นี้
There's gonna be " Bike for dad " soon !

 ฝึกใช้ there is / there are ให้คล่องนะ
นั่นคือจุดอ่อนของคนไทย

วันอังคารที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2558

คุณนี่น่าสนใจนะ พูดอย่างไร

คุณนี่น่าสนใจนะ พูดอย่างไร ?
You are interesting.
You are so interesting.
You look interesting.
You look so interesting.
( ถ้า น่าสนใจ ให้ใช้ interesting ทันที )
* to be/look/sound interesting
นั่นฟังน่าสนใจดี
That sounds interesting to me.
( ฝรั่งพูดบ่อยมาก เวลาเราเล่าอะไรให้ฟัง เค้าจะคิดตามและถ่วงเวลาตอบด้วยการเอ่ยประโยคนี้ )
ย่อเป็น *Sounds interesting! น่าสนใจนะ (แต่ในใจคิดอย่างไรไม่รู้ น่าสนใจไว้ก่อน)
ทีนี้พูดได้เยอะนะ
Sounds boring. ฟังดูน่าเบื่อ
Sounds exciting. ฟังดูน่าตื่นเต้น
sounds amazing. ฟังดูน่าตื่นตาตื่นใจ
Ving ใช้เป็น adjective ขยายหน้าคำนามได้
You are such an interesting young man.
She is such a boring lady.

วันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ประโยคภาษาอังกฤษใช้คุยกับเด็ก


 อย่าดูดนิ้ว Don't suck your thumb (finger/s)
อย่าเอา .. เข้าปาก Don't put that in your mouth.
ปวดฉี่ / ปวดอึ ไหม? Do you need to pee? / Do you need to poo?
เก็บของเล่น / เก็บอันนี้ ก่อน Pick up your toys.
อย่าขว้างของ Don't throw things.
อย่าทิ้งของ  Don't leave things around.
กินข้าวอิ่มหรือยัง? Are you full?
นั่งนิ่งๆก่อนแป๊บนึง Please sit still for a moment.
ปากเลอะ เช็ดปากก่อน Let's wipe your mouth.
อยากให้อุ้มใช่ไหม? Do you want daddy/mummy  to carry you?
เดินเองก่อนนะ Please walk on your own.
ฟังนิทานก่อนนอนไหม? Would you like me to read you a bed-time story?
เกาะ / จับ ตรงนี้แน่นๆ Hold on to this tightly.
หยิบของ / หยิบ... อันนั้นให้หน่อย Could you please pass me the ____ (that) ?
อันนี้เล่นไม่ได้นะ ไม่ใช่ของเล่น / ไม่ใช่ของเด็ก That's not a toy.
จับช้อน / จับปากกา แบบนี้ Hold your pen like this.
อย่าคายอาหารออกจากปาก Don't spit out your food.
เดี๋ยวมานะ อยู่กับอาม่าแป๊บนึง Daddy/Mummy  will be right back. Stay with grandma ok?
ก้มหน่อย ระวังโดนหัว Watch your head.
- เงยหน้าขึ้น (จะทาแป้งที่คอ) Chin up.
ช่วยเก็บของเล่นก่อน Please put your toys away.






สนทนาภาษาอังกฤษ 1,000 ประโยค Talking English

http://knowledge.kidszaa.com/1161/สนทนาภาษาอังกฤษ-1000-ประโยค-tal.html

8 ศัพท์โดนๆ ที่นาทีนี้ต้องรู้


Masterdating
คำศัพท์ใหม่สำหรับคนที่ชอบไปไหนมาไหนคนเดียว มีที่มาจากคำว่า Masterbate + Date สะท้อนให้เห็นเทรนด์ของผู้คนในปัจจุบัน ภาพและพฤติกรรมที่เราเห็นกันประจำจนคุ้นเคย หรืออาจจะเป็นตัวเราเองนี่แหละ ที่มีความคิดภายใน ความปรารถนา ที่จะอยู่อย่างโดดเดี่ยว อยากออกไปกินข้าว ดูหนัง เดินศูนย์การค้า ออกกำลังกาย เดทกับตัวเองลำพัง พร้อมๆ กับแชร์เรื่องราวพวกนี้ขึ้นโซเซียลฯ บ่นงึมงำกับความรู้สึกของตัวเอง และคิดประหนึ่งว่ามีใครอยู่ด้วยตลอดเวลาที่ใต้คอมเม้นต์ในนาทีถัดๆ มา
คุณเคยมาสเตอร์เดทติ้งไหม …? ถ้าเคย คุณทำมันถี่แค่ไหน
Askhole (อาร์คโฮล)
ชัดเจนว่ามาจาก Asshole คือ คนที่ชอบถามอะไรโง่ๆ โดยเฉพาะตามเว็บบอร์ดยอดนิยม บุคคลที่ชอบถามก่อนที่จะอ่านเนื้อความทั้งหมดจบก่อน คนกลุ่มนี้ คือ Askhole นับว่าเจ็บปวดถ้าโดนคำนี้เข้าไป อาจจะเจ็บช้ำมากกว่า Ass hole เสียอีกละ ดังนั้นตั้งสติก่อนถาม!
Bedgasm (เบดกัสซั่ม)
มาจาก Bed+Orgasm คือ อาการนอนหลับยาวนานเต็มอิ่มหลังจากที่อดนอนมาหลายคืน อาการเบดกัสซั่มดูจะเป็นความสุขเรียบง่าย ที่เกิดขึ้นกับยุค Always On ที่เราอดตาหลับขับตานอนอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ทั้งวัน จนกระทั่งยอมเข้านอนหลับตาพร้อมกับแสงหน้าจอที่ดับลง
Youniverse (ยูนิเวอร์ส)
มาจาก You – Universe อาร์ทตัวแม่ เอาใจยาก อาจเอาต์ไปแล้วเมื่อคำนี้หมายความถึง คนที่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของทุกเรื่อง พร้อมจะวีนเหวี่ยงกับบรรดาดาวบริวาร คำนี้ถูกสร้างมาอย่างครีเอทีพพ้องเสียงและเห็นภาพตาม
Textpectation (เท็กซ์เพ็กเทชั่น)
มาจาก Text – Expectation คำนี้เหมาะจะท้าชิงตำแหน่ง Word of the year เพราะเป็นสภาวะที่เราพบเจออยู่เสมอ เมื่อส่งข้อความไปหาคนอื่น เราจะต้องรอเห็นคำว่า “Seen”, “Read” บางครั้งเราไม่อาจละสายตาจากข้อความที่ส่งไปได้ เราติดอยู่กับการรอคอย คาดเดาไม่ได้ว่าอีกฝ่ายจะตอบกลับมาเมื่อไหร่ มันเป็นภาวะที่ปั่นป่วนความรู้สึก น่าจะเคยเป็นกันทุกคนเมื่อเราย้ายการสื่อสารจากเฟซทูเฟซ ไปสู่จอคีย์บอร์ด
Cellfish (เซลฟิช)
มาจาก Cellphone – Selfish อธิบายถึงพฤติกรรมที่คุยโทรศัพท์ต่อเนื่องจนไปรบกวนคนอื่นในที่สาธารณะ เป็นความเห็นแก่ตัวชนิดใหม่ที่ถูกนิยามขึ้นจากการใช้เครื่องมือสื่อสารไฮเทค แต่เจ้าตัวกลับบกพร่องเรื่องมารยาท
Nonversation (นันเวอร์เซชั่น)
มาจาก None – Conversation มีภาพอธิบายว่าชายหนุ่มกับหญิงสาวยืนอยู่บนยอดเขามองพระอาทิตย์ตก พวกเขาจับมือกัน ไม่จำเป็นต้องมีคำพูดใดมากกว่านี้ เพราะ Nonversation
Internest (อินเตอร์เนสต์)
มาจาก Internet – Nest การเล่นสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตบนที่นอนนานๆ และนำหมอนมาล้อมตัวให้รู้สึกสบ๊ายสบายนุ่มนิ่ม คล้ายนกทำรัง
Did You Know?
+ ในเว็บเออร์บันดิกชั่นนารี่ มีคำแสลงพวกนี้เกิดขึ้นใหม่เดือนละหลายร้อยคำ วิธีการมาจากผู้ใช้อินเตอร์เน็ตทั่วโลกป้อนคำใหม่ๆ พร้อมอธิบายความหมายสั้นๆ
+ พวกเขาสรรหาคำโดนๆ เหล่านี้ มาจากสำนวนภาษาคอลัมนิสต์ตามนิตยสาร นิยายชิคลิสต์ การทวีตข้อความที่พัฒนาคำใหม่ๆ ขึ้นเพื่อความสั้นกระชับ เข้าใจง่ายและกิ๊บเก๋ รวมถึงปรากฏการณ์อินเตอร์เน็ตมีม เหตุการณ์จาก Sub Culture ต่างๆ ศัพท์เฉพาะกลุ่ม
+ คำพวกนี้จะถูกประมวล กดยอมรับจากสมาชิกของเออร์บันดิกชั่นนารี่ ด้านหนึ่งคำบางคำเป็น Fashion word สักพักหายสาปสูญไปเพราะไม่มีใครใช้ แต่ด้านหนึ่งคำเหล่านี้เป็นวัฒนธรรมด้านภาษาที่กำลังสะท้อนว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น ในไลฟ์สไตล์ผู้คนทุกวันนี้นั่นเอง
Text: มนตรี บุญสัตย์

วันเสาร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2558

สำนวนภาษาอังกฤษน่ารู้


https://m.facebook.com/baan.krutaew/posts/1578844532377666
แบ่งปันความรู้ด้วยกันในวันสุดสัปดาห์ค่ะ *** สำนวนภาษาอังกฤษน่ารู้***
** above all = most of all, mainly : สำคัญที่สุด,เป็นพิเศษ, เหนือสิ่งอื่นใด, โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
~~ Don t forget to bring all your personal necessities, above all your camera.
อย่าลืมนำของใช้ส่วนตัวที่จำเป็นไปทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกล้องถ่ายรูป
~~ I am pleased with your typing speed, above all style of your letter writing.
ฉันพอใจกับความรวดเร็วในการพิมพ์งานของคุณและที่สำคัญก็คือสำนวนการเขียนจดหมายของคุณ
** accord with – match, be in agreement with: เห็นพ้อง, สัมพันธไมตรี, กลมกลืน, ต้องกันหรือตรงกัน
~~ His benavbiour does not accord with what I have heard.
ความประพฤติของเขาไม่ตรงกับสิ่งที่ฉันได้ยินมา
~~ Your report do not accord with the topic.
รายงานของท่านไม่ตรงกันกับหัวเรื่อง
** accuse of = say that somebody is guilty : หาว่า, กล่าวหา, กล่าวโทษ, ใส่ความ, ฟ้อง
Mr. White, a bill collector, was accused of cheating.
มิสเตอร์ไว้ท์พนักงานเก็บเงิน, ถูกกล่าวหาว่าฉ้อโกง
Have you ever been accused of anything in your life ?
ในชีวิตที่ผ่านมาคุณเคยถูกกล่าวหาบ้างไหม?
** accustom oneself to = leam to accept, get used to: ฝึกตนเองให้เคยชินกับ
~~ Somsri slowly accustomed herself to new life style in Paris.
สมศรีค่อย ๆ รู้สึกเคยชินกับการใช้ชีวิตแบบใหม่ในกรุงปารีส
~~ “Tom, please try to accustom yourself to your new working group.
“ทอม, คุณต้องพยายามปรับตัวเองให้เข้ากับเพื่อนร่วมงานกลุ่มใหม่ให้ได้
** across the board = applying in all case: ทั่วไปตลอดแนว,ทั่วไปทุกกรณี
~~ They were awarded wage increased across the board.
พวกเขาได้รับรางวัลด้วยการได้ขึ้นค่าจ้างทุก ๆ คนและทุกระดับ
** act for = perform somebody’s duties on his behalf, represent:
ทำหน้าที่แทน, รักษาการในตำแหน่ง
~~ Who will be acting for you during your absence?
ใครจะเป็นผู้ที่ทำหน้าที่แทนคุณในขณะที่คุณไม่อยู่?
~~ Knowing his own ability, Peter refused to act for chairmanship.
ปีเตอร์ปฏิเสธที่จะรับรักษาการตำแหน่งประธาน เพราะเขารู้ถึงความสามารถของตนเองดี
** adapt (for) = rewrite, rearrange, modify (for): ทำให้เหมาะ, ดัดแปลง
The author is going to adapt his play for movie.
ผู้ประพันธ์จะดัดแปลงเนื้อเรื่องให้เหมาะกับการสร้างเป็นภาพยนตร์
~~ These automobiles have been adapted for use in the rally.
รถยนต์เหล่านี้ได้ถูกดัดแปลงให้เหมาะกับการใช้ในการแข่งแรลลี่
** add in = put or pour in, include: เพิ่ม, ต่อเติม, เสริม
~~ Should we add in more sugar in this lemon juice?
เราจะต้องเติมน้ำตาลในน้ำมะนาวนี้อีกไหม?
** admit to = allow to enter or join, not deny, confess to: รับเข้าเป็นสมาชิก, ให้สิทธิเข้าได้, ยอมให้, ยอมรับรอง
~~ This ticket will admit only a couple to the ”Holiday on Ice Show.”
ตั๋วนี้ใช้ได้เฉพาะผู้ชมสองท่านเพื่อเข้าชมสเก็ตน้ำแข็ง“ฮอลลิเดย์ออนไอซ”
~~ Sompong admitted readily to a great liking for “Love Story” film.
สมปองยอมรับว่าเขาชอบภาพยนตร์เรื่อง “เลิฟสตอรี่” มาก
** agree to = accept, fall in with: เห็นพ้องกัน, สอดคล้อง
~~ The committee finds it impossible to agree to Mr. Long’s advice.
คณะกรรมการพบว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะทำตามคำแนะนำของมิสเตอร์ลอง
~~ After a long discussion, his proposal was finally agreed to.
ในที่สุดข้อเสนอของเขาก็ได้รับการยอมรับหลังจากที่อภิปรายกันยาวนาน
** agree (with) = have the same opinion as: เข้ากันได้, เห็นด้วย
~~Do you agree with me that deer-hunting is a cruel sport?
เธอเห็นด้วยกับฉันไหมว่าเกมส์การล่ากวางเป็นเกมส์ที่ทารุณอย่างหนึ่ง?
~~ I agreed with the majority that you should take Jim’s post.
ฉันเห็นด้วยกับมติส่วนใหญ่ที่ว่าคุณควรจะรับตำแหน่งของจิม
** aim at = try to hit, have as one’s target or objective: เล็งไปที่, หมายมั่นปั้นมือ, มุ่งหมาย
~~ He aimed at a bird, but hit the air.
เขาเล็งไปที่นกแต่ยิงถูกอากาศ
~~ He is aiming at presidentialship in next election.
เขาหมายที่จะได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีในการเลือกตั้งคราวหน้า
** all day long = the entire day: ตลอดวัน
~~ I can’t stand her talking all day long.
ฉันทนไม่ได้ที่เห็นเธอพูดทั้งวัน
~~ She has been reading all day long.
เธออ่านหนังสือได้ตลอดทั้งวัน
** all in = exhausted, with everything included: เหนื่อยอ่อน, เมื่อยล้า, คลุมทั้งหมด
~~ He was all in after the game.
เขาเหนื่อยอ่อนภายหลังการแข่งขัน
~~ Is that price all in?
ราคานั้นรวมทั้งหมดแล้วใช่ไหม?
** all in all = considering every: เมื่อพิจารณาทุกอย่างแล้ว, โดยธรรมชาติ, โดยทั้งหมด
~~ All in all I still think she is very nice to me.
เมื่อพิจารณาทุกอย่างแล้วฉันยังคิดว่าเธอดีต่อฉันมาก
~~ All in all we enjoyed your hospitality.
ทั้งหมดแล้วพวกเราได้รับความเพลิดเพลินและความพอใจจากการต้อนรับของท่าน
** all out = using the greatest effort possible: พยายามเต็มที่
~~ He went all out in his attempt to break the world record.
เขาพยายามอย่างเต็มที่ที่จะทำลายสถิติโลกให้ได้
** all right = correct, satisfactory: ถูกต้อง, เหมาะสม, ดี, ปลอดภัย
~~ I am sure everything will be all right.
ฉันแน่ใจว่าทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี
~~ Is it all right to go ahead ?
จะเป็นการเหมาะสมไหมถ้าเราจะดำเนินการไปเลย?
** all set = prepared ready; เรียบร้อย, พร้อมแล้ว
~~ Are you all set for the exam?
เธอเตรียมตัวพร้อมสำหรับสอบแล้วหรือยัง ?
~~ I am all set for a long journey.
ฉันพร้อมแล้วที่จะเดินทางเป็นระยะทางไกล
** allow for = include in one’s calculations, take into account or consideration; ติดไว้ล่วงหน้า, เตรียมตัวไว้สำหรับ, คำนึงถึง
~~ Don’t forget to allow for a little shrinkage when you make your trousers.
เวลาตัดผ้าสำหรับกางเกง อย่าลืมเผื่อผ้าหดนิดหน่อยด้วย
~~ You should allow time for traffic jam.
ท่านควรจะเผื่อเวลาสำหรับรถติดเอาไว้ด้วย
** amount to = be equal to reach a total, add up to, mean; รวมยอด, เพิ่มจำนวนถึง, เป็นจำนวนถึง
~~ That conversation amounts to nothing more than a glossip.
การสนทนาครั้งนั้นไม่มีอะไรมากไปกว่าการนินทา
~~ What it amounts to is simply a political rumours.
ไม่มีอะไรหรอกนอกจากจะเป็นเพียงข่าวลือทางการเมืองเท่านั้น
** answer back = interrupt, return a rebuke in a rude manner; พูดสวนออกมา, พูดสอด
~~ Jack got a surprise when he answered his teacher back.
แจ็คแปลกใจเมื่อเขาพูดสอดคุณครูของเขา
~~ Don’t answer back when I’m talking to you.
อย่าพูดสอดออกมาขณะที่ฉันกำลังพูด
** answer for = make oneself responsible for; รับผิดชอบ
I will come myself, but I can't answer for the rest of the family.
ฉันจะมาด้วยตนเองแต่ฉันไม่สามารถรับผิดชอบคนในครอบครัวที่เหลือได้
He has a lot to answer for.
เขามีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบจำนวนมาก
** apologize (to) (for) = express regret to somebody; ขออภัย, ลุแก่โทษ, ออกตัว
~~ You'd better apologize to your customer for not writing him earlier.
คุณควรขอโทษลูกค้าที่ไม่ได้เขียนจดหมายตอบเขาให้เร็วกว่านี้
~~ That’s not something that has to be apologized for.
สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่คุฌไม่ควรจะกล่าวขอโทษ
** apply to = concern, include, put or spread on; ใช้กับ, สมัคร, บอกกล่าว
~~ New tax regulations apply to everyone.
กฎภาษีที่ออกใหม่ใช้บังคับกับราษฎรทุกคน
~~ That cleansing lotion should be applied to your face only.
โลชั่นทำความสะอาดขวดนั้นสำหรับใช้กับผิวหนังเท่านั้น
** argue (with) = try to persuade somebody to change his mind; โต้เถียง, โต้ คารม, อ้างเหตุผล
~~ Stop arguing with me! Just do as I tell you.
หยุดเถียงฉันเสียที แล้วทำในสิ่งที่ฉันบอกให้ทำ
~~ Mrs. Norman is a very stubborn woman; she isn’t to be argued with.
มิสซิสนอร์แมนเป็นคนดันทุรังมาก เราอย่าไปโต้เถียงกับเธอเลย
** arrange (for) = make plans for, fix, set in order on somebody’s behalf; จัดการ, เตรียม, กำหนด
~~ I'll arrange for those parcels to be delivered first thing in the morning.
ฉันจะจัดการส่งหีบห่อเหล่านี้เป็นสิ่งแรกพรุ่งนี้เช้า
~~ l’ve arranged for a car to pick you up at the airport.
ฉันได้จัดส่งรถไปรับคุณที่สนามบินแล้ว
** ask after = ask for information; ask about the health of; ถามถึงสุขภาพ, ถามถึง
~~ Mr. Jack has been asking after you; he’s heard you've been ill.
มร. แจ็คได้ถามถึงสิ่งที่เขาได้ยินมาว่าคุณไม่สบาย
~~ I saw Mrs. Jones in the supermarket. She asked after you.
ฉันพบมิสซิสโจนส์ที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต เธอถามถึงคุณ
** at first = at the beginning, originally; แต่แรก, ครั้งแรก
~~ At first I thought it was going to be an easy task.
ตอนแรกฉันคิดว่ามันจะเป็นงานที่ง่าย
~~ At first I thought you were going with me.
ครั้งแรกฉันคิดว่าคุณจะไปกับฉันด้วย
** at first sight = immediately; เพียงแรกพบ, ทันทีที่เห็น
~~ He felt in love with her at first sight.
เขาหลงรักเธอเมื่อครั้งแรกที่พบ
~~ She thought she can impress him at first sight.
เธอคิดว่าเธอสามารถประทับใจเขาได้เพียงแรกพบ
** at least = as a minimum; อย่างน้อยที่สุด
~~ At least you should read two chapters a day.
เธอควรจะอ่านอย่างน้อยที่สุดวันละสองบท
~~ That was not right; at least you should let me know in advance.
นั่นเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องเลย อย่างน้อยที่สุดคุณควรจะต้องแจ้งให้ฉันทราบล่วงหน้า
** at once = immediately; โดยทันที, ฉับพลัน
~~ Please come here at once Tommy.
มาที่นี่เดี๋ยวนี้, ทอมมี่
~~ Will you please forward this message to her at once?
คุณช่วยเอาข่าวนี้ไปให้เธอทราบในทันทีได้ไหม?
** at times = occasionally, at intervals; เป็นครั้งคราว, บางโอกาส, นาน ๆ ครั้ง
~~ At times, he seems to do a good job.
บางครั้งดูเหมือนว่าเขาทำงานได้ดี
~~ At times, my little nephew talks like a grown up man.
บางครั้งหลานชายของฉันพูดราวกับเป็นผู้ใหญ่


วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2558

29 วิธี แก้ไขคำฟุ่มเฟือย

อย่างที่ผมเคยบอกไปแล้วว่า ในการเขียนเรียงความหรือเอสเสภาษาอังกฤษ อย่าสักแต่ว่าเขียนให้ได้ยาวที่สุด เพราะการเขียนยาวไม่ได้แปลว่าดีที่สุด เพราะนอกจากจะทำให้ผู้อ่านรู้สึกรำคาญแล้ว ยังจะเสียคะแนนได้โดยง่ายอีกด้วย

ถ้าเพื่อนๆคนไหนอยากเห็นตัวอย่างของการใช้คำฟุ่มเฟือยในการเขียนเอสเส สามารถอ่านได้ที่บทความเก่า “คำฟุ่มเฟือย” ที่ควรหลีกเลี่ยงในการเขียนภาษาอังกฤษ!! ได้เลยครับ

และในบทความนี้ผมก็มี เคล็ดลับในการเขียนเอสเสให้กระชับ มาฝากเพื่อนๆกันอีกแล้ว ยกตัวอย่างเช่น “along the lines of” ก็สามารถเขียนให้สั้นๆได้ว่า “like” ได้นั่นเอง


5 เทคนิคลับฝึกภาษาอังกฤษ : ให้พูดเก่งขั้นเทพ!

5 เทคนิคลับฝึกภาษาอังกฤษ : ให้พูดเก่งขั้นเทพ!
.
Top 5 secret tips for Speaking English Fluently!!
.
.
.
วันนี้ สถาบันสอนภาษา Mind English จะมาเปิดเผย 5 เทคนิคลับในการฝึกพูดภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง ให้พูดอังกฤษได้คล่องอย่างกับพ่นไฟ!
.
.
.
1. Start with Listening! เริ่มต้นจากการฟัง!
.
ถ้าคุณอยากพูดภาษาอังกฤษได้ คุณต้องเริ่มต้นจากการฟัง!
.
ฟัง ฟัง ฟังแล้วก็ฟัง!
.
หัวใจสำคัญ 2 ข้อก็คือ คุณต้องเลือกฟังสื่อที่ไม่ยากเกินไปสำหรับคุณ (รู้ศัพท์ในสื่อนั้นๆมากกว่า 80%)
.
และข้อที่ 2 คือคุณต้องฟังทุกวัน! อย่างมีวินัยและตั้งใจ วันละ 1 ชั่วโมงขึ้นไป (แบ่งได้ เช้า 20 นาที เที่ยง 20นาที และเย็นอีก 20 นาที เวลารถติดก็ฟังได้)
.
เรากล้าท้าเลย ถ้าคุณฟังภาษาอังกฤษทุกวัน 1 เดือนผ่านไปคุณจะแปลกใจตัวเอง ว่าทำไมเราเก่งภาษาอังกฤษขึ้นขนาดนี้
.
แต่ถ้าคุณฟังภาษาอังกฤษทุกวันตลอด 1 ปี คุณจะจำตัวเองวันนี้ไม่ได้เลย!!
.
(อ่านต่อเพิ่มเติม บทความ “อยากพูดอังกฤษได้ อย่า(พึ่ง)ฝึกพูด” ได้ที่ http://www.mindenglish.net/article/stopspeaking/)
.
.
.
2. Use Photographic Memory! เรียนรู้เป็นภาพ ไม่ใช่ตัวอักษร!
.
เลิกท่องศัพท์(แบบเดิมๆ)ได้แล้ว
.
หยุดการท่องศัพท์แบบเป็นลิสต์ยาวๆที่เราต้องมาแปลเป็นไทย หันมาใช้วิธีเรียนรู้ศัพท์แบบเป็นภาพ เป็นเรื่องราวแทน
.
ใครยังท่องศัพท์แบบเดิมๆ ไม่มีทางพูดอังกฤษได้คล่อง พูดเลย!
.
(อ่านเพิ่มเติม บทความ “อยากพูดอังกฤษคล่อง ต้องงดท่องศัพท์” ได้ที่ http://www.mindenglish.net/article/stopvocab1/และ “วิธีท่องศัพท์ ฉบับเทพ!” ได้ที่ http://www.mindenglish.net/article/greatvocab1/)
.
.
.
3. Don’s Study Grammar rules! หยุดท่องกฏแกรมม่าร์ซะ!
.
ใครยังนั่งท่อง S+V to be+V ing+ …+ …+ ….ไปเรื่อยๆ หรือยังท่องกริยา 3 ช่อง ท่องกฏไวยากรณ์ต่างๆ
.
ถ้าท่องไปสอบ ท่องไว้เขียน Writing เขียน Essay ต่างๆ นี่โอเค
.
แต่ถ้าท่องไว้ใช้พูด คุณเข้าใจผิดแล้ว!!!
.
ไม่มีใครพูด คล่องเพราะท่องกฏแกรมม่าร์หรอก บอกเลย!
.
(อ่านเพิ่มเติม บทความ “อยากพูดอังกฤษได้ ให้หยุดเรียน Grammar” ได้ที่ http://www.mindenglish.net/article/stopgrammar1/)
.
.
.
4. No Translation! อย่าแปลเป็นไทย!
.
อยากพูดอังกฤษให้คล่อง ต้องพูดได้อย่างเป็นอัตโนมัติ
.
การพูดได้อย่างเป็นอัตโนมัติคือ ฟัง-คิด-พูด ต้องเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด โดยไม่มีการแปลเป็นไทยในหัว
.
เพราะฉะนั้น เราควรพยายามแปลเป็นไทยให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
.
สาเหตุที่เราพูดภาษาอังกฤษแล้วตะกุกตะกัก ไม่ไหลลื่น ไม่เป็นธรรมชาติ เพราะเรามักต้องนึกศัพท์
.
และที่เราต้องนึกศัพท์ เพราะเราคิดเป็นภาษาไทยในหัวก่อนเนี่ยแหละ ถึงต้องแปลกลับมาเป็นภาษาอังกฤษ จึงต้องนึกศัพท์
.
เมื่อไหร่ก็ตามที่คิดเป็นภาษาอังกฤษได้ ก็จะไม่ต้องนึกศัพท์ (แน่สิ คิดเป็นภาษาอังกฤษแล้ว จะนึกศัพท์ภาษาอังกฤษทำไม?)
.
เมื่อนั้น เราจะพูดอังกฤษได้โคตรคล่อง!
.
(อ่านต่อเพิ่มเติม บทความ “อยากพูดอังกฤษคล่อง ต้องอย่าแปล!” ได้ที่ http://www.mindenglish.net/article/notranslation/)
.
.
.
5. Change Environment! เปลี่ยนสภาพแวดล้อมให้เหมือนอยู่เมืองนอก
.
พยายามเปลี่ยนสภาพแวดล้อมทุกอย่างในชีวิตประจำวันให้เป็นภาษาอังกฤษให้ได้มากที่สุด
.
เม้าท์กับเพื่อน >>> พยายามหาเพื่อนฝรั่งคุยแชทบ้าง คุย Skype บ้าง
.
ดูหนัง-ดูละคร >>> เปลี่ยนมาเป็นดูหนัง ดูซีรี่ย์ และต้องดูให้ถูกวิธีด้วย ดูผิดวิธี ดูเป็นพันเรื่องยังไงก็ไม่เก่ง (อ่านเพิ่มเติม บทความ “ดูหนังยังไง ให้พูดอังกฤษได้” ได้ที่ http://www.mindenglish.net/article/watchmovies/
.
ฟังเพลง >>> จากเพลงไทยสุดดราม่า หันมาฟังเพลงฝรั่งบ้าง (บทความถัดๆไป จะแนะนำเรื่องการฟังเพลงอย่างไร ให้แจ่มที่สุด)
.
ดูข่าว >>> จากดูเรื่องเล่าเช้านี้ ลองเปลี่ยนเป็นดูข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศบ้าง ชอบสำเนียงอเมริกันก็ลอง CNN ถ้าชอบสำเนียงบริทิชเก๋ๆ BBC ก็ถือว่าดีมาก
.
อ่านหนังสือ>>> ลองเปลี่ยนมาอ่านหนังสือต่างประเทศบ้าง เริ่มจากแนวที่ตัวเองชอบก่อนก็ได้ พยายามเริ่มจากง่ายๆไปก่อน
.
ยิ่งเราเปลี่ยนได้มากเท่าไหร่ ผลลัพธ์ยิ่งเกิดเร็วขึ้นเท่านั้น
.
แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ อย่าไปฝืน อย่าไปเร่ง อย่าไปเร้า
.
ที่สำคัญที่สุดคือต้อง “ชิลล์” อันไหนฟังไม่ออก อันไหนอ่านไม่เข้าใจก็พยายามฟัง พยายามทำความไม่เข้าใจ ไม่ต้องเครียด
.
สิ่งที่สำคัญที่สุดในการฝึก คือ การไม่ฝึก
.
การมีความพยายามในการฝึกคือสิ่งที่ดีมาก แต่สิ่งที่ดีมากที่สุดคือการไม่ต้องพยายาม การไม่ฝืน ทำเหมือนเป็นธรรมชาติ
.
ถ้าเราทำสิ่งเหล่านี้ได้อย่างเป็นธรรมชาติเท่าไหร่ เราจะยิ่งพูดภาษาอังกฤษได้ดีและเป็นธรรมชาติมากขึ้นเท่านั้น

มีแฟนเป็นแอร์ต้องรู้

ที่มา https://www.facebook.com/clex.english/posts/936623563037702

คำศัพท์ภาษาอังกฤษน่ารู้ ในสนามบิน

Gate = ประตูที่จะขึ้นเครื่องบิน
Immigration = การตรวจคนเข้าเมือง
Boarding Pass = บัตรผ่านขึ้นเครื่องบิน
Airline Counter : เคาน์เตอร์สายการบิน
Aisle seat : ที่นั่งริมทางเดิน
Window seat : ที่นั่งริมหน้าต่าง
Boarding pass : ตั๋วเครื่องบิน , บัตรผ่านขึ้นเครื่องบิน, เอกสารระบุเลขที่นั่งใช้สำหรับผ่านเข้าเขต ผู้โดยสารขาออกและขึ้นเครื่องบิน
Carry-on luggage : สัมภาระติดตัวขึ้นเครื่องบิน
Check-in desk : เคาน์เตอร์เช็ค-อิน
Excess baggage : กระเป๋าน้ำหนักเกิน
Excess baggage charge : ค่าปรับกระเป๋าน้ำหนักเกิน
One-way trip : เดินทางเที่ยวเดียว
Overweight : น้ำหนักเกิน
Immigration : ด่านตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ทำการตรวจเอกสาร วีซ่า
Immigration Form : ใบตรวจคนเข้าเมือง
Passport หนังสือเดินทาง
Transit Passenger : ผู้โดยสารที่แวะลงสนามบินแห่งใดแห่งหนึ่ง เพื่อทำการเปลี่ยนเครื่องโดยไม่แวะเข้าอยู่ในประเทศหรือเมืองนั้นๆ
Passenger : ผู้โดยสารสายการบิน
Air traffic control : หอควบคุมการบิน
Aircraft , Airplane, Plane: เครื่องบิน
Airline : สายการบิน
Airport : สนามบิน
Arrivals : เที่ยวบินขาเข้า (Departures : เที่ยวบินขาออก)
Arrivals are delayed : เครื่องบินล่าช้า
Cabin : ห้องโดยสาร
Cockpit : ห้องนักบิน
Concourse : ชานชาลา
Control tower : หอควบคุม
Customs : ศุลกากร
Customs official : เจ้าหน้าที่ศุลกากร ทำหน้าที่ตรวจเช็ค สัมภาระที่นำติดตัวเข้าประเทศ
Currency Exchange : บริการแลกเปลี่ยนเงินตรา
Delayed : ล่าช้า
Departures : เที่ยวบินขาออก
Departures are delayed : เที่ยวบินขาออกล่าช้า
Departure lounge : ห้องรับรองผู้โดยสารขาออก
Departure time : เวลาเครื่องบินออก
Direct flight : เที่ยวบินไม่จอดแวะ
Domestic flight : เที่ยวบินภายในประเทศ
Duty free shop : ร้านค้าปลอดภาษี
Emergency exit : ทางออกฉุกเฉิน
Emergency landing : ลงจอดฉุกเฉิน
Flight number : หมายเลขเที่ยวบิน
Gate : ประตูขึ้นเครื่อง
Information Counter : บริการสอบถาม
In-flight manual : คู่มือบนเครื่องบิน
International flight : เที่ยวบินต่างประเทศ
Landing : ลงจอด
Lost and Found : บริการติดตามสัมภาระ จุดแจ้งกระเป๋าเดินทางหาย
Oversize baggage claim : ช่องรับสัมภาระเกินขนาด
Passengers lounge : ห้องรับรองผู้โดยสาร
Plane : เครื่องบิน
Registered luggage : สัมภาระที่ลงทะเบียนแล้ว
Runway : ทางขึ้นลงเครื่องบิน
Carousel : สายพานหรือรางเลื่อนรับกระเป๋า
Free Airport Shuttler :รถรับส่งระหว่าง TERMINAL ภายในสนามบินฟรี
Round trip : เดินทางไปกลับ
Tourist : นักท่องเที่ยว
Travel agency : บริษัทนำเที่ยว
Trolley : รถเข็นสัมภาระ
To board : ขึ้นเครื่อง
Terminal : สถานี
To land : ลงจอด
To check in : เช็ค-อิน
Timetable : ตารางเวลา
Take-off : ออกตัว
Seat belt : เข็มขัดนิรภัย
Seat : ที่นั่ง
Visa : วีซ่า
Air Hostess : แอร์โฮสเตส
Air Steward : พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินชาย
Air Stewardess : พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินหญิง
Copilot : นักบินร่วม
Crew : ลูกเรือ
Pilot : นักบิน
Flight : attendant พนักงานบนเครื่องบิน

ในเครื่องบินหนึ่งลำ ก็จะมีการจัดสันพื้นที่ภายใน แบ่งเป็น 3 ระดับ
1) First Class = ระดับที่แพงที่สุด
2) Business Class = ระดับที่นั่งสำหรับนักธุรกิจ
3) Economy Class = ระดับที่นั่งชั้นประหยัด

Aisle : ทางเดินระหว่างแถวที่นั่ง
Lavatory or Toilet : ห้องน้ำ

เวลาจะเข้าห้องน้ำจะมีไฟที่หน้าห้องน้ำเขียนว่า “Vacant = ว่าง” 
แต่ถ้าไฟที่หน้าห้องน้ำขึ้นคำว่า “Occupied = กำลังมีคนใช้ห้องน้ำอยู่” 
No smoking = ห้ามสูบบุหรี่

วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2558

ฝึกภาษาอังกฤษจากเรื่องสั้นแบบง่ายๆ 100 เรื่อง ชุดที่ 3

ฝึกภาษาอังกฤษจากเรื่องสั้นแบบง่ายๆ 100 เรื่อง ชุดที่ 3 มาแล้วคร้าบ!

ภาษาอังกฤษเก่งได้ด้วยเรื่องสั้นมีอีกเพียบ
สนุก ไม่น่าเบื่อ ไม่เร็วไป ฝึกฟังและออกเสียงได้ชัดๆ
..ห้ามพลาด!

ยังไงเดี๋ยวจะรวมลิงค์ให้เรื่อยๆ ไม่ต้องไปหาเองให้เมื่อยแล้วคร้าบ

ชุดที่ 1: http://www.stopmemo.com/2015/02/200-easy-english-short-stories/
ชุดที่ 2: http://www.stopmemo.com/2015/02/200-more-easy-english-short-stories/
ชุดที่ 3: http://www.stopmemo.com/2015/03/3-easy-english-short-stories/
https://www.facebook.com/stopmemo/posts/332523446943629